การตรวจร่างกาย
โรคทางอายุรศาสตร์ โดย นายแพทย์อดุลย์ วิริยเวชกุล หลักเบื้องต้นในการวินิจฉัยและการรักษาโรคทางอายุรศาสตร์ จุดมุ่งหมายที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของการเป็นแพทย์คือการรักษาผู้ป่วยให้หาย แต่ก่อนที่จะรักษาผู้ป่วย แพทย์จำเป็นจะต้องรู้ว่าผู้ป่วยเป็นโรคอะไร จึงจะรักษาได้ถูกต้อง เรื่องราวที่ผู้ป่วยบอกแพทย์นั้นมิใช่โรค แต่เป็นอาการที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายหรือผิดปกติ ดังนั้นการรักษาโรคได้อย่างถูกวิธีนั้น จึงเป็นกระบวนการซึ่งประกอบด้วยวิธีการหลายขั้นตอน คือ การถามประวัติ การตรวจร่างกาย (การตรวจกายภาพ) การสืบค้นตลอดจนการรักษาและป้องกันโรค |
หัวข้อ
การสืบค้น การสืบค้นประจำ ส่วนใหญ่เป็นการตรวจทางห้องปฏิบัติการง่ายๆ หรือการตรวจที่อาจกระทำได้ข้างเตียงผู้ป่วย เช่น การตรวจเลือดเพื่อหาเฮโมโกลบินจำนวนเม็ดเลือดแดง จำนวนและชนิดของเม็ดเลือดขาวการตรวจปัสสาวะและอุจจาระ เป็นต้น การสืบค้นพิเศษ คือการสืบค้นอื่นๆ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนในการวินิจฉัยโรค หรือช่วยในการแยกโรคการสืบค้นพิเศษนี้อาจเป็นการตรวจในห้องทดลองหรือไม่ได้ เช่น การตรวจทางรังสีวิทยา การวิเคราะห์หาปริมาณหรือระดับของสารเคมีต่างๆ ในเลือด การตรวจโดยใช้สารทึบรังสี การตัดเนื้อ (biopsy) เพื่อนำไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์ การฉีดสารทึบรังสีเข้าหลอดเลือด (angiography) การใช้กล้องส่องดูหลอดลม (bronchoscopy) การใช้กล้องส่องดูกระเพาะอาหาร (gastroscopy) และการตรวจโดยอาศัยเครื่องคอมพิวเตอร์ (computed tomography) เป็นต้น แพทย์มักสั่งหรือกระทำการสืบค้นพิเศษเมื่อมีข้อชี้บ่งที่แน่นอนและการสืบค้นพิเศษดังกล่าวนั้นไม่เป็นอันตราย ไม่เป็นโทษ หรือก่อให้เกิดการเจ็บปวดแก่ผู้ป่วยเกินความจำเป็น ตลอดจนต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต้องใช้เมื่อเปรียบเทียบกับผลลัพธ์ที่อาจได้จากการสืบค้นนั้นๆ ด้วย |
|
การวินิจฉัยโรค ในการวินิจฉัยโรคนั้นแพทย์ต้องอาศัยข้อมูลบางส่วนหรือทั้งหมดจากการดำเนินงานตามกระบวนการต่างๆ ดังกล่าวข้างต้น เพื่อที่จะบอกว่าการเจ็บป่วยของผู้ป่วยนั้นมีร่องรอยของโรคอยู่ที่บริเวณใดของร่างกาย หรือเกิดจากพยาธิสภาพชนิดใด หรือมีธรรมชาติของโรคเป็นอย่างไร ตลอดจนอยู่ในระยะใดของโรค เป็นต้น อย่างไรก็ดี ในบางครั้งแพทย์ไม่สามารถจะทำการวินิจฉัยโรคได้โดยอาศัยขั้นตอนดังกล่าว หรือมีความจำเป็นบางประการไม่สามารถรอการรักษาได้ ในกรณีเช่นนี้ แพทย์อาจต้องให้การรักษาไปก่อน โดยคิดว่าผู้ป่วยน่าจะเป็นอะไรได้มากที่สุด และถ้าผู้ป่วยหายจากโรคดังกล่าวโดยการรักษาที่ให้นั้น ก็อนุมานเอาว่าผู้ป่วยเป็นโรคนั้น วิธีการดังกล่าว เรียกว่า การวินิจฉัยโดยการรักษา (therapeutic diagnosis) อย่างไรก็ดี หากเป็นไปได้แพทย์มักหลีกเลี่ยงการให้การรักษาก่อนให้การวินิจฉัยที่ถูกต้องแน่นอน |
การรักษา การรักษาเฉพาะ คือ การรักษาตามสาเหตของโรคโดยการใช้ยาหรือโดยวิธีการอื่น ซึ่งมีผลเป็นการบำบัดสาเหตุ และทำให้โรคนั้นหายไป เช่น การรักษาโรคไทฟอยด์ ปอดบวม โดยการให้ยาเฉพาะตามสาเหตุนั้นๆ การรักษาตามอาการ คือการรักษาตามอาการของผู้ป่วย เช่น ปวดศีรษะ ก็ให้ยากินแก้ปวด ไอก็ให้ยาระงับอาการไอ การรักษาตามอาการมีจุดประสงค์เพื่อให้อาการนั้นหายไปโดยมิได้รักษาสาเหตุ ดังนั้นผู้ป่วยอาจกลับมีอาการดังเดิมถ้ามิได้ให้ยาระงับอาการนั้นๆ ไว้ หรือยาที่ให้นั้นหมดฤทธิ์ โดยปกติแพทย์จะให้การรักษาตามอาการเมื่อจำเป็น ในขณะที่ยังไม่ทราบสาเหตุ หรือกำลังหาสาเหตุอยู่ โดยหวังว่าเมื่อพบสาเหตุแล้วจะได้ให้การรักษาเฉพาะได้ การรักษาตามอาการอาจมีผลเสียได้ เช่น ผลเสียที่เกิดจากการให้ยาระงับอาการนั้นเอง โดยยาระงับอาการอาจกลบอาการ ทำให้แพทย์ไม่สามารถวินิจฉัยโรคได้ หรือวินิจฉัยโรคได้ช้าหรือลำบากขึ้น การรักษาประคับประคอง คือ การรักษาเพื่อประคับประคอง หรือพยุงอาการทั่วๆ ไปของผู้ป่วยให้ดีขึ้น เป็นการเพิ่มความต้านทาน ตามธรรมชาติให้แก่ร่างกายผู้ป่วยอีกวิธีหนึ่ง ตัวอย่างของการรักษาประเภทนี้ ได้แก่ การแนะนำให้พักผ่อน การให้น้ำเกลือหรือกลูโคสในผู้ป่วยที่รับประทานอาหารได้น้อยเพราะเหตุใดก็ตาม เช่น เบื่ออาหาร คลื่นไส้ เป็นต้น การรักษาโดยการให้วิตามินและแร่ธาตุจำเป็นแก่ร่างกายการพยาบาลที่ดี และกายภาพหรือสรีรบำบัด (physiotherapy) วิธีต่างๆ เป็นต้น การรักษาบรรเทาอาการ เป็นการรักษาเพื่อบรรเทาอาการผู้ป่วยมิให้เลวลง หรือให้เลวลงช้ากว่าปกติ การรักษาประเภทนี้ใช้ในผู้ป่วยที่เป็นโรคเรื้อรังหรือโรคที่ทราบแน่นอนว่ารักษาไม่หาย เช่น การให้ยาต้านมะเร็ง หรือการใช้รังสีบำบัด (radiotherapy) ในผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็ง จิตวิทยารักษา เป็นการรักษาที่มีจุดประสงค์สำคัญเพื่อทำให้ผู้ป่วยมีจิตใจและอารมณ์ดีขึ้น ผู้ป่วยที่มีโรคของร่างกายจะมีความผิดปกติทางจิตใจด้วยเสมอและเป็นหน้าที่ของแพทย์ที่ต้องรักษาผู้ป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ สุภาษิตโบราณอันหนึ่งถึงกับกล่าวว่า "ไม่มีโรคมีแต่ผู้ป่วย" ซึ่งมีความมุ่งหมายที่จะให้รักษาผู้ป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ มิใช่แต่รักษาโรคทางกายเท่านั้น วิธีหนึ่งของจิตวิทยารักษา คือ การที่แพทย์ให้ความเชื่อมั่น อธิบายธรรมชาติของโรคให้ผู้ป่วยฟังโดยใช้คำพูดง่ายๆ เพื่อเป็นการระงับอาการวิตกกังวลจากโรคทางกายที่ผู้ป่วยเป็นอยู่ |
การป้องกัน การป้องกันนับว่าเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของกระบวนการรักษาโรค วิธีการในกระบวนการป้องกันโรคมีความสัมพันธ์กับผู้ป่วย พาหะของโรค สิ่งแวดล้อม แพทย์ และผู้ที่มีส่วนร่วมในการบำบัดรักษารวมทั้งเจ้าหน้าที่ในทางสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องด้วย ในการป้องกันโรคใดๆ ก็ตาม หากเป็นไปได้ควรจะป้องกันมิให้มีการเกิดโรคนั้น แต่ถ้าโรคนั้นได้เกิดขึ้นแล้วก็ต้องพยายามรักษาหรือขจัดโรคนั้นๆ ให้หมดสิ้นโดยเร็วไปพร้อมๆ กันด้วย อธิบายให้ผู้ป่วยและญาติเข้าใจถึงเรื่องราวของโรค และวิธีการป้องกันมิให้เป็นโรคนั้นๆ ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่สำคัญอย่างหนึ่ง ที่ผู้ป่วยพึงได้รับ และเป็นวิธีที่จะทำให้สุขภาพของผู้ป่วยและชุมชนดีปราศจากโรคภัยไข้เจ็บและทำให้สามารถประกอบอาชีพได้เต็มที่ อ้างอิง http://guru.sanook.com/search/knowledge_search.php?select=1&q=%A1%D2%C3%B5%C3%C7%A8%C3%E8%D2%A7%A1%D2%C2 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น